Business Model Canvas ปั้นแผนธุรกิจให้ปัง
Business Model Canvas ปั้นแผนธุรกิจให้ปัง
เพื่อนๆ รู้สึกว่าการเขียนแผนธุรกิจเป็นเรื่องน่าปวดหัวไหม หรือกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้ไอเดียธุรกิจเป็นจริงได้เร็วขึ้น เรามีคำตอบให้แล้ว ยินดีต้อนรับสู่คอร์ส “Business Model Canvas ปั้นแผนธุรกิจให้ปัง” ที่จะพาเพื่อนๆ ไปสู่โลกของการวางแผนธุรกิจแบบใหม่ ที่ทั้งสนุก รวดเร็ว และได้ผลจริง คอร์สนี้จะเปลี่ยนมุมมองของเพื่อนๆ ต่อการสร้างธุรกิจ จากความยุ่งยากซับซ้อนให้กลายเป็นการต่อจิ๊กซอว์ที่สนุกและท้าทาย
ในคอร์สนี้ เพื่อนๆ จะได้เรียนรู้วิธีใช้ Business Model Canvas เครื่องมือมหัศจรรย์ที่จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมธุรกิจได้ในแผ่นเดียว พร้อมเจาะลึกทุกองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเพื่อนๆ จะเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้น หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการปรับโมเดลให้ทันสมัย คอร์สนี้มีครบทุกอย่างที่ต้องการ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะหลังจากนี้ เพื่อนๆจะสามารถปั้นแผนธุรกิจให้ปังได้อย่างมืออาชีพ และพร้อมที่จะพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจที่แข่งขันสูงนี้
บทที่ 1 ทำความเข้าใจ Business Model Canvas
1.1 คำจำกัดความและวัตถุประสงค์ของ Business Model Canvas
1.1.1 ที่มาและการพัฒนาโดย Alexander Osterwalder และ Yves Pigneur
1.1.2 ความเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์และการวางแผนธุรกิจ
1.2 ภาพรวมของส่วนประกอบทั้ง 9
1.2.1 การจัดวางและการออกแบบภาพของแคนวาส
1.2.2 ความเชื่อมโยงระหว่างส่วนประกอบต่างๆ
1.3 ประโยชน์ของการใช้ Business Model Canvas
1.3.1 การทำให้โมเดลธุรกิจที่ซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น
1.3.2 การส่งเสริมการหารือและการทำงานร่วมกันของทีม
1.3.3 การระบุช่องว่างและโอกาสในโมเดลธุรกิจปัจจุบัน
1.4 การเปรียบเทียบกับเครื่องมือวางแผนธุรกิจอื่นๆ
1.4.1 แผนธุรกิจแบบดั้งเดิม
1.4.2 Lean Canvas
บทที่ 2 กลุ่มลูกค้า (Customer Segments)
2.1 การระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
2.1.1 วิธีการวิจัยตลาดและการค้นพบลูกค้า
2.1.2 การแยกความแตกต่างระหว่างส่วนแบ่งตลาดและกลุ่มลูกค้า
2.2 การสร้างเพอร์โซน่าลูกค้า
2.2.1 องค์ประกอบของเพอร์โซน่าลูกค้าที่สมบูรณ์
2.2.2 เทคนิคการรวบรวมข้อมูลเพื่อสร้างเพอร์โซน่า
2.2.3 การใช้เพอร์โซน่าเพื่อชี้นำการตัดสินใจทางธุรกิจ
2.3 เทคนิคการแบ่งส่วนตลาด
2.3.1 การแบ่งส่วนตามประชากรศาสตร์
2.3.2 การแบ่งส่วนตามจิตวิทยา
2.3.3 การแบ่งส่วนตามพฤติกรรม
2.3.4 การแบ่งส่วนตามภูมิศาสตร์
2.4 การประเมินความน่าสนใจของแต่ละส่วนตลาด
2.4.1 ขนาดและศักยภาพการเติบโต
2.4.2 ความสามารถในการทำกำไร
2.4.3 ความสามารถในการเข้าถึง
2.5 กลุ่มลูกค้า B2B เทียบกับ B2C
2.5.1 ความแตกต่างหลักในแนวทาง
2.5.2 การปรับ Canvas สำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ
บทที่ 3 คุณค่าที่นำเสนอ (Value Propositions)
3.1 การกำหนดผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
3.1.1 คุณลักษณะเทียบกับประโยชน์
3.1.2 จุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ (USPs)
3.2 การเข้าใจความต้องการและปัญหาของลูกค้า
3.2.1 เทคนิคการค้นหาความต้องการที่ซ่อนอยู่
3.2.2 การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาลูกค้า
3.3 การสร้างคุณค่าที่นำเสนอที่น่าสนใจ
3.3.1 Value Proposition Canvas (ส่วนขยายของ Business Model Canvas)
3.3.2 ตัวบรรเทาความเจ็บปวดและตัวสร้างความพึงพอใจ
3.4 ประเภทของคุณค่าที่นำเสนอ
3.4.1 ความใหม่
3.4.2 ประสิทธิภาพ
3.4.3 การปรับแต่งได้
3.4.4 การออกแบบ
3.4.5 แบรนด์/สถานะ
3.4.6 ราคา
3.4.7 การลดต้นทุน
3.4.8 การลดความเสี่ยง
3.4.9 การเข้าถึง
3.4.10 ความสะดวก/ความง่ายในการใช้งาน
3.5 การทดสอบและปรับปรุงคุณค่าที่นำเสนอ
3.5.1 วิธีการทดสอบ A/B
3.5.2 การรับข้อเสนอแนะจากลูกค้า
บทที่ 4 ช่องทาง (Channels)
4.1 ช่องทางการจัดจำหน่าย
4.1.1 ช่องทางตรงเทียบกับช่องทางอ้อม
4.1.2 ช่องทางออนไลน์เทียบกับออฟไลน์
4.1.3 ขั้นตอนของช่องทาง (การรับรู้, การประเมิน, การซื้อ, การส่งมอบ, การบริการหลังการขาย)
4.2 ช่องทางการสื่อสาร
4.2.1 สื่อดั้งเดิม
4.2.2 สื่อดิจิทัล
4.2.3 สื่อสังคมออนไลน์
4.2.4 การตลาดเชิงเนื้อหา
4.3 ช่องทางการขาย
4.3.1 ทีมขายตรง
4.3.2 การขายทางโทรศัพท์
4.3.3 ตลาดออนไลน์
4.3.4 ค้าปลีก
4.3.5 ค้าส่ง
4.4 เศรษฐศาสตร์ของช่องทาง
4.4.1 ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า
4.4.2 มูลค่าตลอดชีวิตของลูกค้า
4.5 กลยุทธ์ Omnichannel
4.5.1 การบูรณาการช่องทางหลายช่องทาง
4.5.2 การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ไร้รอยต่อ
บทที่ 5 ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships)
5.1 ประเภทของความสัมพันธ์กับลูกค้า
5.1.1 การช่วยเหลือส่วนบุคคล
5.1.2 การช่วยเหลือส่วนบุคคลเฉพาะ
5.1.3 การบริการตนเอง
5.1.4 บริการอัตโนมัติ
5.1.5 ชุมชน
5.1.6 การสร้างร่วมกัน
5.2 กลยุทธ์การได้มาซึ่งลูกค้า
5.2.1 การตลาดแบบ Inbound
5.2.2 การตลาดแบบ Outbound
5.2.3 โปรแกรมการแนะนำ
5.3 กลยุทธ์การรักษาลูกค้า
5.3.1 โปรแกรมความภักดี
5.3.2 การจัดการความสำเร็จของลูกค้า
5.3.3 การขายต่อยอดและการขายข้าม
5.4 การสร้างความภักดีของลูกค้า
5.4.1 การจัดการประสบการณ์ลูกค้า
5.4.2 Net Promoter Score (NPS) และตัวชี้วัดความภักดีอื่นๆ
5.5 การสร้างสมดุลระหว่างการใช้ระบบอัตโนมัติและการให้บริการส่วนบุคคล
5.5.1 เมื่อใดควรใช้แต่ละวิธี
5.5.2 การนำ Chatbot และ AI มาใช้ในการบริการลูกค้า
บทที่ 6 กระแสรายได้ (Revenue Streams)
6.1 การระบุแหล่งที่มาของรายได้
6.1.1 การขายผลิตภัณฑ์
6.1.2 ค่าธรรมเนียมการใช้งาน
6.1.3 ค่าสมาชิก
6.1.4 การให้ยืม/ให้เช่า/ให้เช่าซื้อ
6.1.5 การให้สิทธิ์
6.1.6 ค่านายหน้า
6.1.7 การโฆษณา
6.2 กลยุทธ์การกำหนดราคา
6.2.1 การกำหนดราคาแบบบวกกำไร
6.2.2 การกำหนดราคาตามมูลค่า
6.2.3 การกำหนดราคาแบบไดนามิก
6.2.4 การกำหนดราคาแบบ Freemium
6.2.5 การกำหนดราคาแบบแพ็คเกจ
6.3 โมเดลรายได้
6.3.1 แบบธุรกรรม
6.3.2 แบบรายได้ประจำ
6.3.3 แบบโครงการ
6.3.4 แบบ Freemium
6.3.5 โมเดลมีดโกนและใบมีด
6.4 การวิเคราะห์ความยั่งยืนของกระแสรายได้
6.4.1 รายได้ประจำเทียบกับรายได้ครั้งเดียว
6.4.2 การกระจายแหล่งที่มาของรายได้
6.5 ตัวชี้วัดทางการเงินสำหรับกระแสรายได้
6.5.1 รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU)
6.5.2 มูลค่าตลอดชีวิตของลูกค้า (CLV)
6.5.3 อัตราการสูญเสียลูกค้า (Churn rate)
บทที่ 7 ทรัพยากรหลัก (Key Resources)
7.1 ทรัพยากรทางกายภาพ
7.1.1 สถานที่ผลิต
7.1.2 อาคาร
7.1.3 ยานพาหนะ
7.1.4 ระบบจุดขาย
7.2 ทรัพยากรทางปัญญา
7.2.1 แบรนด์
7.2.2 สิทธิบัตรและลิขสิทธิ์
7.2.3 ความรู้เฉพาะทาง
7.2.4 ฐานข้อมูลลูกค้า
7.3 ทรัพยากรบุคคล
7.3.1 กลยุทธ์การสรรหา
7.3.2 การฝึกอบรมและพัฒนา
7.3.3 กลยุทธ์การรักษาพนักงาน
7.4 ทรัพยากรทางการเงิน
7.4.1 เงินสดสำรอง
7.4.2 วงเงินสินเชื่อ
7.4.3 ความสามารถในการระดมทุน
7.5 การประเมินความต้องการทรัพยากร
7.5.1 ความเข้มข้นของการใช้ทรัพยากร
7.5.2 ความสามารถในการขยายตัวของทรัพยากร
7.5.3 การตัดสินใจระหว่างการผลิตเองหรือการจัดซื้อ
7.6 การจัดสรรและการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากร
7.6.1 การจัดลำดับความสำคัญของทรัพยากรหลัก
7.6.2 การวัดประสิทธิภาพของทรัพยากร
บทที่ 8 กิจกรรมหลัก (Key Activities)
8.1 กระบวนการทางธุรกิจหลัก
8.1.1 การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า
8.1.2 การทำแผนที่กระบวนการทางธุรกิจ
8.2 การผลิต
8.2.1 กระบวนการผลิต
8.2.2 การส่งมอบบริการ
8.2.3 การควบคุมคุณภาพ
8.3 กิจกรรมการแก้ปัญหา
8.3.1 การให้คำปรึกษา
8.3.2 การดูแลรักษาในโรงพยาบาล
8.3.3 กิจกรรมที่เน้นการบริการอื่นๆ
8.4 กิจกรรมแพลตฟอร์ม/เครือข่าย
8.4.1 การจัดการเครือข่าย
8.4.2 การส่งเสริมแพลตฟอร์ม
8.4.3 การพัฒนาแพลตฟอร์ม
8.5 การระบุและจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมหลัก
8.5.1 ผลกระทบต่อคุณค่าที่นำเสนอ
8.5.2 ความสัมพันธ์กับความต้องการของลูกค้า
8.6 การเพิ่มประสิทธิภาพกิจกรรมหลัก
8.6.1 หลักการ Lean
8.6.2 Six Sigma
8.6.3 วิธีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 9 พันธมิตรหลัก (Key Partnerships)
9.1 พันธมิตรเชิงกลยุทธ์
9.1.1 การร่วมทุน
9.1.2 การแข่งขันเชิงความร่วมมือ (Coopetition)
9.2 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับซัพพลายเออร์
9.2.1 การจัดการห่วงโซ่อุปทาน
9.2.2 การประเมินและคัดเลือกผู้ขาย
9.3 ประเภทของพันธมิตร
9.3.1 การเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดต่อขนาด
9.3.2 การลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอน
9.3.3 การได้มาซึ่งทรัพยากรและกิจกรรมเฉพาะ
9.4 เกณฑ์การประเมินพันธมิตร
9.4.1 ความเหมาะสมเชิงกลยุทธ์
9.4.2 ความสอดคล้องทางวัฒนธรรม
9.4.3 การพิจารณาด้านการเงิน
9.5 การเจรจาและการจัดการพันธมิตร
9.5.1 ข้อตกลงพันธมิตร
9.5.2 การติดตามประสิทธิภาพ
9.5.3 การแก้ไขความขัดแย้ง
บทที่ 10 โครงสร้างต้นทุน (Cost Structure)
10.1 ต้นทุนคงที่เทียบกับต้นทุนผันแปร
10.1.1 การระบุและจำแนกประเภทต้นทุน
10.1.2 การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน
10.2 การประหยัดต่อขนาด
10.2.1 การซื้อจำนวนมาก
10.2.2 การกระจายต้นทุนคงที่
10.3 การประหยัดต่อขอบเขต
10.3.1 การสร้างพลังร่วมระหว่างหน่วยธุรกิจหรือสายผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน
10.4 โครงสร้างต้นทุนแบบมุ่งเน้นต้นทุนเทียบกับมุ่งเน้นคุณค่า
10.4.1 ลักษณะของแต่ละแนวทาง
10.4.2 เมื่อใดควรใช้แต่ละกลยุทธ์
10.5 กลยุทธ์การลดต้นทุน
10.5.1 การบริหารแบบ Lean
10.5.2 การจ้างงานภายนอก
10.5.3 การใช้ระบบอัตโนมัติ
10.6 เทคนิคการวิเคราะห์ต้นทุน
10.6.1 การคิดต้นทุนตามกิจกรรม
10.6.2 การกำหนดต้นทุนเป้าหมาย
10.6.3 การคิดต้นทุนตลอดวงจรชีวิต
บทที่ 11 การรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
11.1 ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบต่างๆ
11.1.1 การระบุการพึ่งพาและการสร้างพลังร่วม
11.1.2 การสร้างความสอดคล้องในทุกส่วนของแคนวาส
11.2 การสร้างโมเดลธุรกิจที่สอดคล้องกัน
11.2.1 การปรับทุกองค์ประกอบให้สอดคล้องกับกลยุทธ์โดยรวม
11.2.2 การระบุความขัดแย้งหรือความไม่สอดคล้องที่อาจเกิดขึ้น
11.3 เทคนิคการแสดงภาพ
11.3.1 การใช้รหัสสี
11.3.2 การใช้ลูกศรแสดงความสัมพันธ์
11.4 การเล่าเรื่องด้วย Business Model Canvas
11.4.1 การสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ
11.4.2 การนำเสนอแคนวาสต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
บทที่ 12 การทดสอบและการปรับปรุง
บทที่ 12 การทดสอบและการปรับปรุง
12.1 การสร้างต้นแบบโมเดลธุรกิจของคุณ
12.1.1 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุด (MVP)
12.1.2 เทคนิคการสร้างต้นแบบอย่างรวดเร็ว
12.2 การรวบรวมข้อเสนอแนะ
12.2.1 การสัมภาษณ์ลูกค้า
12.2.2 แบบสำรวจและแบบสอบถาม
12.2.3 การวิเคราะห์ข้อมูลและการวิเคราะห์
12.3 การปรับเปลี่ยนและการปรับปรุง
12.3.1 เมื่อใดควรปรับเปลี่ยนเทียบกับเมื่อใดควรยืนหยัด
12.3.2 ประเภทของการปรับเปลี่ยน (เช่น การซูมเข้า, การซูมออก, การเปลี่ยนกลุ่มลูกค้า ฯลฯ)
12.4 ตัวชี้วัดสำหรับการวัดความสำเร็จ
12.4.1 ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPIs) สำหรับแต่ละส่วนประกอบ
12.4.2 ตัวชี้วัดสุขภาพโดยรวมของโมเดลธุรกิจ
บทที่ 13 กรณีศึกษา
13.1 ตัวอย่างโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
13.1.1 การวิเคราะห์บริษัทที่มีชื่อเสียง (เช่น Amazon, Uber, Airbnb)
13.1.2 โมเดลธุรกิจที่สร้างการเปลี่ยนแปลง
13.2 การวิเคราะห์อุตสาหกรรมต่างๆ
13.2.1 เทคโนโลยี
13.2.2 ค้าปลีก
13.2.3 การดูแลสุขภาพ
13.2.4 บริการทางการเงิน
13.3 บทเรียนจากความล้มเหลว
13.3.1 ข้อผิดพลาดทั่วไปในการออกแบบโมเดลธุรกิจ
13.3.2 วิธีหลีกเลี่ยงและฟื้นตัวจากความผิดพลาด
บทที่ 14 การประยุกต์ใช้งานจริง
14.1 การประชุมเชิงปฏิบัติการและแบบฝึกหัด
14.1.1 การระดมความคิดเป็นกลุ่ม
14.1.2 การสวมบทบาทมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่แตกต่างกัน
14.2 การสร้าง Business Model Canvas ของคุณเอง
14.2.1 คู่มือทีละขั้นตอน
14.2.2 ความท้าทายทั่วไปและวิธีการแก้ไข
14.3 การทบทวนโดยเพื่อนและการให้ข้อเสนอแนะ
14.3.1 เทคนิคการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์
14.3.2 การรวมมุมมองที่หลากหลาย
บทที่ 15 หัวข้อขั้นสูง
15.1 นวัตกรรมโมเดลธุรกิจ
15.1.1 การระบุโอกาสสำหรับนวัตกรรม
15.1.2 กลยุทธ์ Blue Ocean และ Business Model Canvas
15.2 โมเดลธุรกิจที่สร้างการเปลี่ยนแปลง
15.2.1 ลักษณะของนวัตกรรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลง
15.2.2 กรณีศึกษาของบริษัทที่สร้างการเปลี่ยนแปลง
15.3 การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
15.3.1 ผลกระทบของเทคโนโลยีดิจิทัลต่อโมเดลธุรกิจ
15.3.2 การปรับโมเดลธุรกิจแบบดั้งเดิมสู่ยุคดิจิทัล
15.4 ความยั่งยืนและโมเดลธุรกิจ
15.4.1 Triple Bottom Line (People, Planet, Profit)
15.4.2 โมเดลธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน
15.5 การพิจารณาด้านโลกาภิวัตน์และข้ามวัฒนธรรม
15.5.1 การปรับโมเดลธุรกิจสำหรับตลาดที่แตกต่างกัน
15.5.2 อิทธิพลทางวัฒนธรรมต่อการออกแบบโมเดลธุรกิจ
บทที่ 16 สรุปและก้าวต่อไป
16.1 ทบทวนแนวคิดหลักของ Business Model Canvas
16.1.1 ความสำคัญของแต่ละองค์ประกอบ
16.1.2 การเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบต่างๆ
16.2 แนวโน้มและการพัฒนาในอนาคตของ Business Model Canvas
16.2.1 การบูรณาการกับเครื่องมือและกรอบแนวคิดอื่นๆ
16.2.2 การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
16.3 การนำ Business Model Canvas ไปใช้ในองค์กรของคุณ
16.3.1 กลยุทธ์การนำไปใช้
16.3.2 การเอาชนะความท้าทายและอุปสรรค
16.4 การพัฒนาทักษะการคิดเชิงโมเดลธุรกิจ
16.4.1 การฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
16.4.2 การติดตามนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
16.5 ทรัพยากรเพิ่มเติมสำหรับการเรียนรู้
16.5.1 หนังสือและบทความแนะนำ
16.5.2 เครื่องมือออนไลน์และแพลตฟอร์มการเรียนรู้
16.5.3 การประชุมและเครือข่ายมืออาชีพ
บทส่งท้าย การสร้างอนาคตด้วย Business Model Canvas
- การใช้ Business Model Canvas เพื่อสร้างนวัตกรรมและการเติบโตอย่างยั่งยืน
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการคิดเชิงโมเดลธุรกิจ
- การเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายและโอกาสในอนาคตของธุรกิจ